ของโบราณ,ของสะสม,ของเก่าโบราณ,ของเก่ามีราคา,ตลาดค้าของเก่า.ของเก่าวันนี้,antiquetoday

ของโบราณทรงคุณค่าของไทย

Monday, November 13, 2017

อำพัน :AMBRE: อัญมณีเหนือกาลเวลา


อำพัน




อำพันตกแต่งเป็นเหรียญประดับรูปไข่ขนาด 2x1.3 นิ้วอำพัน เป็นซากดึกดำบรรพ์ของยางไม้ เป็นสิ่งมีค่าด้วยสีสันและความสวยงามของมัน อำพันที่มีคุณภาพดีเยี่ยมจะถูกนำมาผลิตเป็นเครื่องประดับและอัญมณี แม้ว่าอำพันจะไม่จัดเป็นแร่แต่ก็ถูกจัดให้เป็นพลอย

อำพัน เป็นซากดึกดำบรรพ์ของยางไม้ เป็นสิ่งมีค่าด้วยสีสันและความสวยงามของมัน อำพันที่มีคุณภาพดีเยี่ยมจะถูกนำมาผลิตเป็นเครื่องประดับและอัญมณี

 แม้ว่าอำพันจะไม่จัดเป็นแร่แต่ก็ถูกจัดให้เป็นพลอยโดยทั่วไปแล้วจะเข้าใจผิดกันว่าอำพันเกิดจากน้ำเลี้ยงของต้นไม้ แต่แท้ที่จริงแล้ว น้ำเลี้ยงเป็นของเหลวที่ไหลเวียนอยู่ในระบบท่อลำเลียงของพืช ขณะที่ยางไม้เป็นอินทรียวัตถุเนื้ออสัณฐานกึ่งแข็งที่ถูกขับออกมาผ่านเซลล์เอพิทีเลียมของพืช


เพราะว่าอำพันเคยเป็นยางไม้ที่เหนียวนิ่มเราจึงพบว่าอาจมีแมลงหรือแม้แต่สัตว์มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กอยู่ในเนื้อของมันได้ ยางไม้ที่มีสภาพเป็นกึ่งซากดึกดำบรรพ์รู้จักกันในนามของโคปอล
สีของอำพันมีได้หลากหลายสีสัน ปรกติแล้วจะมีสีน้ำตาล เหลือง หรือส้ม เนื้อของอำพันเองอาจมีสีได้ตั้งแต่ขาวไปจนถึงเป็นสีเหลืองมะนาวอ่อนๆ หรืออาจเป็นสีน้ำตาลจนถึงเกือบสีดำ สีที่พบน้อยได้แก่สีแดงที่บางทีก็เรียกว่าอำพันเชอรี่ อำพันสีเขียวและสีฟ้าหายากที่มีการขุดค้นหากันมาก
อำพันที่มีค่าสูงมากๆจะมีเนื้อโปร่งใส ในทางตรงกันข้ามอำพันที่พบกันมากทั่วไปจะมีสีขุ่นหรือมีเนื้อทึบแสง อำพันเนื้อทึบแสงมักมีฟองอากาศเล็กๆเป็นจำนวนมากที่รู้จักกันในนามของอำพันบาสตาร์ดหมายถึงอำพันปลอม ซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็เป็นอำพันของแท้ๆนั่นเอง

    ที่มาของชื่อ


    ยางไม้โบราณเป็นแหล่งกำเนิดของอำพัน
    อำพันหมายถึงแอมเบอร์ในภาษาอังกฤษ สืบทอดมาจากคำในภาษาอาราบิกโบราณว่า “แอนบาร์กริส” หรือ “แอมเบอร์กริส” ซึ่งหมายถึงวัตถุที่เป็นน้ำมันหอมที่ขับออกมาโดยวาฬสเปิร์ม ภาษาอังกฤษกลางและฝรั่งเศสยุคเก่าเขียนเป็น ambre ส่วนภาษาลาตินเก่าเขียนเป็น ambra หรือ ambar เป็นวัตถุที่ลอยน้ำได้และมักถูกซัดไปสะสมตัวอยู่ตามชายหาด ด้วยความสับสนในการใช้ศัพท์ มันจึงถูกนำมาใช้เรียกยางไม้ที่กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์ซึ่งก็พบได้ตามชายหาดได้เช่นกัน มีน้ำหนักเบากว่าหินแต่ก็เบาไม่เพียงพอที่จะลอยน้ำได้
    พลินิผู้อาวุโส ได้สังเกตเห็นซากแมลงอยู่ในเนื้อของอำพันดังที่พบมีการบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ธรรมชาติของเขา โดยเขาได้อธิบายไว้เป็นทฤษฎีได้อย่างถูกต้องว่าอำพันเคยมีสถานะเป็นของเหลวมาก่อนที่ไหลไปห่อหุ้มตัวแมลงไว้ ที่ทำให้เขาเรียกมันว่า ซัคคินั่ม หรือ หินยางไม้ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังถูกนำมาใช้เรียกกรดซัคคินิก และรวมถึง ”ซัคคิไนต์” เป็นศัพท์ที่ใช้เรียกประเภทของอำพันโดยเจมส์ ดวิกต์ ดานา (ดูด้านล่างที่อำพันบอลติก)
    ภาษากรีกเรียกอำพันว่า ηλεκτρον (อิเล็กตรอน) และถูกเชื่อมโยงไปที่เทพแห่งดวงอาทิตย์ซึ่งอีกฉายาหนึ่งของท่านคือ อิเล็กเตอร์ หรือ อะเวกเคนเนอร์  มันถูกกล่าวถึงโดยธีโอฟาสตุสที่เป็นไปได้ว่าวัตถุลักษณะนี้เคยมีผู้กล่าวถึงมาแล้วเป็นครั้งแรกเมื่อศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล คำว่า อิเล็กตรอน ในยุคปัจจุบันถูกนำมาใช้ในปี ค.ศ. 1891 โดยนักฟิสิกส์ชาวไอริช ยอร์จ จอห์นสโตน สโตนี โดยใช้เป็นคำศัพท์ภาษากรีกสำหรับเรียกอำพัน (ซึ่งถูกแปลให้เป็นอิเล็กตรัม) ตามคุณสมบัติทางไฟฟ้าสถิตของมันเป็นครั้งแรก การลงท้ายด้วย -on ทั่วไปจะใช้สำหรับอนุภาคในอะตอมทั้งหมดและใช้ในความหมายเดียวกับ ion
    เมื่อเผาอำพันจะนุ่มและท้ายสุดจะไหม้เกรียม ซึ่งเป็นเหตุผลทำไม้คำว่าแอมเบอร์ในภาษาเยอรมันจึงมีความหมายว่า หินไหม้ (ในภาษาเยอรมันใช้คำว่า Bernstein ส่วนภาษาดัตช์ใช้คำว่า barnsteen) เมื่อเผาอำพันที่อุณหภูมิสูงกว่า 200 องศาเซลเซียสอำพันจะสลายตัวระเหยเป็นน้ำมันของอำพันเหลือเศษเถ้าสีดำที่รู้จักกันว่า "แอมเบอร์โคโลโฟนี" หรือ "แอมเบอร์พิตช์" เมื่อละลายในน้ำมันเทอร์เพนทีนหรือน้ำมันลินซีดจะทำให้เกิดน้ำมันชักเงาอำพัน (แอมเบอร์วาร์นิช) หรือครั่งอำพัน (แอมเบอร์แลค)
    อำพันจากทะเลบอลติกมีการซื้อขายกันอย่างกว้างขวาง มาตั้งแต่โบราณกาลนานกว่า 2,000 ปีมาแล้ว โดยชาวพื้นเมืองเรียกมันว่า แกลส ด้วยสามารถมองผ่านทะลุได้อย่างแก้ว
    ภาษาบอลติกและภาษาลิธัวเนียเรียกอำพันว่า ยินตาแรส และภาษาแลตเวียเรียกว่า ดิงทาร์ ศัพท์ทั้งสองคำและรวมถึงคำว่า แจนทาร์ ในภาษาสลาฟที่คิดว่าผิดเพี้ยนมาจากภาษาฟีนิเชียนคำว่า จายนิตาร์ (หมายถึงยางไม้ทะเล) อย่างไรก็ตามขณะที่ภาษาสลาฟทั้งหลายอย่างเช่นภาษารัสเซียและภาษาเช็คยังคงสงวนไว้ซึ่งคำภาษาสลาฟเก่าที่ถูกแทนที่ด้วยคำว่า เบอซ์ทีนในภาษาโปแลนด์ซึ่งได้มาจากภาษาเยอรมัน

    ยุงและแมลงในอำพันบอลติกอายุ 40 และ 60 ล้านปีที่ถูกทำเป็นเครื่องประดับร้อยเป็นสายสร้อย

    เคมีของอำพัน

    อำพันมีองค์ประกอบเป็นสารเนื้อผสม แต่เนื้อของมันก็ประกอบไปด้วยสารมีชันหลายชนิดที่ละลายได้ในเอทานอล ไดเอตทิลอีเทอร์ และคลอโรฟอร์ม รวมถึงสารที่ละลายไม่ได้จำพวกบิทูเมน อำพันประกอบไปด้วยสารโมเลกุลขนาดใหญ่จากการเกิดพอลิเมอร์ด้วยการเติมอนุมูลอิสระของสารดั้งเดิมในกลุ่มของแลบเดน กรดคอมมูนิก คัมมูนอล และไบโฟร์มีน สารแลบเดนนี้เป็นไดเทอร์ปีน (C20H32) และไทรอีนซึ่งหมายความว่าเป็นโครงร่างทางอินทรีย์สารของอัลคีน 3 กลุ่มที่ยอมให้เกิดพอลิเมอร์ เมื่ออำพันมีอายุมากขึ้นเรื่อยๆก็จะมีการเกิดพอลิเมอร์มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกันพร้อมๆไปกับปฏิกิริยาไอโซเมอร์ การเชื่อมโยงข้าม และการจัดเป็นวง องค์ประกอบเฉลี่ยทั่วๆไปของอำพันเขียนเป็นสูตรทางเคมีได้ว่า C10H16O
    อำพันมีความแตกต่างไปจากโคปอล การเกิดพอลิเมอร์ระหว่างโมเลกุลภายใต้ความกดดันและอุณหภูมิทำให้ยางไม้เปลี่ยนไปเป็นโคปอลก่อน จากนั้นเมื่อโคปอลมีอายุมากขึ้นไปอีกสารเทอร์ปีนในเนื้อของมันจะค่อยๆระเหยออกไปตามกาลเวลาก็จะทำให้โคปอลเปลี่ยนไปเป็นอำพัน
    อำพันบอลติกมีความแตกต่างไปจากอำพันชนิดอื่นๆของโลกด้วยเนื้อของมันมีกรดซัคคินิก ที่ทำให้อำพันบอลติกเป็นที่รู้จักกันในนามของซัคคิไนต์

    อำพันในทางธรณีวิทยา

    อำพันที่เก่าแก่ที่สุดพบในยุคคาร์บอนิเฟอรัสหรือประมาณ 345 ล้านปีมาแล้ว ส่วนอำพันที่เก่าแก่ที่สุดที่มีแมลงอยู่ในเนื้อของมันด้วยนั้นได้มาจากยุคครีเทเชียสหรือประมาณ 146 ล้านปีมาแล้ว
    แหล่งอำพันที่สำคัญที่สุดในเชิงพาณิชย์คือแหล่งในบอลติกและโดมินิกัน
    ไฟล์:Fossil amber with abee.jpg
    ผึ้งและใบไม้ในเนื้อของอำพัน
    อำพันบอลติกหรือซัคคิไนต์ (มีบันทึกทางประวัติศาสตร์เรียกกันว่าอำพันปรัสเซีย) ถูกค้นพบเป็นก้อนทรงมนผิวขรุขระในทรายกลอโคไนต์ที่สะสมตัวกันในทะเลหรือที่รู้จักกันว่า “บลูเอิร์ธ” มีอายุสมัยโอลิโกซีนตอนต้นในเขตซัมแลนด์ของปรัสเซียโดยในแหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์ถูกเรียกขานกันว่า แกลสซาเรีย หลังปี ค.ศ. 1945 ดินแดนแถบนี้รอบๆเมืองโกนิกส์บวกถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของเมืองกาลินิงกราด โอบลาสต์ของประเทศรัสเซียซึ่งปัจจุบันมีการทำเหมืองอำพันกันอย่างเป็นระบบมีแบบแผน อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามีอำพันบางส่วนเกิดจากการสะสมตัวในช่วงต้นๆของยุคเทอร์เชียรี (อีโอซีน) และก็ยังพบได้ด้วยในชั้นหินที่มีอายุอ่อนขึ้นมาเช่นกัน มีการพบเศษซากพืชมากมายในเนื้อของอำพันขณะที่เนื้อยางไม้ยังสดๆอยู่ เศษซากพืชเหล่านั้นพิจารณาได้ว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพืชพันธุ์ทางเอเชียตะวันออกและทางตอนใต้ของอเมริกาเหนือ เฮนริช กอปเปิร์ตได้ตั้งชื่ออำพันที่มีเศษซากสนไพน์จากป่าบอลติกว่า “ไพไนต์ ซัคคิไนเตอร์” แต่ในส่วนของเศษซากไม้แล้วบางคนพิจารณาว่าดูเหมือนว่าจะไม่ได้แตกต่างไปจากสกุลของสนที่มีการตั้งชื่อกันเอาไว้ก่อนแล้วที่เรียกกันว่า “ไพนัส ซัคคินิเฟอรา” อย่างไรก็ตามไม่น่าจะเป็นไปได้ที่อำพันที่พบจะเกิดขึ้นจากไม้สนเพียงชนิดเดียว เนื่องจากจริงๆแล้วในเนื้ออำพันเหล่านี้พบเศษซากไม้สนต่างสกุลกันอย่างหลากหลาย
    อำพันโดมินิกันถูกพิจารณาให้เป็นริติไนต์  เนื่องจากไม่พบกรดซัคคินิก พบมี 3 แหล่งใหญ่ๆในสาธารณรัฐโดมินิกันคือ ลาคอร์ดิลเลอร่าเซฟเทนทริโอนอลทางตอนเหนือ และบายากัวน่าและซาบาน่าทางตะวันออก ในทางเหนือพบว่าชั้นหินที่มีอำพันสะสมอยู่นั้นเป็นพวกหินเนื้อประสม หินทรายที่ตกสะสมตัวบริเวณสันดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ หรือแม้แต่ลงไปในทะเลลึก อำพันที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดและมีความแข็งที่สุดมาจากเขตเทือกเขาทางตอนเหนือของพื้นที่แซนติเอโก้จากเหมืองที่ลาคัมเบอร์ ลาโตก้า ปาโลควีมาโด้ ลาบูคารา และลอสคาซิออสในคอร์ดิลเลอร่าเซฟเทนทริโอนอลไม่ไกลจากเมืองแซนติเอโก้นัก อำพันจากแนวเทือกเขาเหล่านี้พบฝังตัวแน่นในเนื้อลิกไนต์ของชั้นหินทราย
    มีอำพันพบทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองบายากัวน่าและซาบาน่า ด้วยเหมือนกัน เป็นอำพันมีเนื้ออ่อนกว่าบางทีก็เปราะและเมื่อนำขึ้นมาจากเหมืองแล้วจะเกิดการออกซิเดชันซึ่งทำให้ราคาถูก มีการพบโคปอลด้วยพบว่ามีอายุประมาณ 15-17 ล้านปี ในพื้นที่ทางตะวันออกพบอำพันในชั้นทราย ดินเหนียวปนทราย แทรกสลับด้วยลิกไนต์ รวมถึงชั้นกรวดและชั้นทรายเม็ดปูน ที่มีลักษณะเป็นชั้นบางๆของอินทรียวัตถุแทรกสลับอยู่ด้วย
    ทั้งอำพันบอลติกและอำพันโดมินิกัน เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยซากดึกดำบรรพ์ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่มีค่ายิ่งเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตของป่าในอดีต 
    อำพันยุคครีเทเชียส ตอนกลางมีการพบจากเมืองเอลล์สเวิร์ธคันที รัฐแคนซัส เป็นอำพันที่มีอายุประมาณ 100 ล้านปีที่พบซากของแบคทีเรียและอะมีบาฝังอยู่ในเนื้อของมัน จากลักษณะสัณฐานพบว่ามีความใกล้เคียงกับแบคทีเรียสกุลเลฟโตทริกซ์ และอะมีบาสกุลพอนติกูลาเรียและเนเบลาที่ได้รับการยืนยัน

    สิ่งที่เข้าไปอยู่ในเนื้ออำพัน


    แมงมุมในเนื้ออำพัน

    Coleoptera Elateridae
    นอกจากในเนื้อของอำพันจะเก็บรักษาโครงสร้างของพืชเอาไว้อย่างสวยงามแล้ว ยังมีการพบซากสัตว์อื่นๆอย่างเช่นซากเหลือของแมลง แมงมุม แอนนาลิด กบ crustaceans, marine microfossils และสิ่งมีชีวิตเล็กๆอื่นๆซึ่งถูกจับยึดไว้ด้วยผิวเหนียวๆจนฝังแน่นเข้าไปอยู่ในเนื้อของยางไม้ในขณะที่ยังเป็นของไหลหนืดอยู่ โครงสร้างทางอินทรีย์เกือบทั้งหมดจะหายไปถูกทิ้งไว้เพียงช่องโพลงกลวงเท่านั้นและอาจพบร่องรอยของสารไคตินอยู่บ้าง บางครั้งก็พบเส้นขนและแผงขนปรากฏอยู่ด้วย มักพบเศษชิ้นส่วนของไม้ที่ยังถูกรักษาเนื้อไม้เอาไว้อย่างดีในเนื้อของยางไม้ บางครั้งก็พบใบ ดอก และผลในสภาพที่สมบูรณ์ดีเยี่ยม อำพันอาจพบมีลักษณะคล้ายหยดน้ำหรือเป็นลำเรียวยาวในลักษณะที่เกิดจากการหยดย้อยลงมาจากรอยแผลของต้นไม้ นอกเหนือจากยางไม้จะไหลไปตามผิวของลำต้นไม้แล้ว ยางไม้ยังอาจไหลไปในรูกลวงและรอยแตกของต้นไม้ที่ทำให้สามารถพัฒนาเป็นอำพันที่มีรูปลักษณะไม่แน่นอน.
    การพัฒนาที่ผิดปรกติของยางไม้เรียกว่า “ซัคคิโนซิส” มักพบมีมลทินปะปนอยู่ในเนื้อของอำพันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยางไม้หยดลงไปบนพื้นดินที่จะทำให้อำพันนั้นไร้ค่านอกเสียจากการนำไปทำน้ำมันชักเงาและเราเรียกอำพันที่มีมลทินนี้ว่า “เฟอร์นิสส์” การมีแร่ไพไรต์อยู่ด้วยอาจทำให้อำพันมีสีอมน้ำเงิน อำพันที่เรียกกันว่าอำพันสีดำ เกิดจากมีลิกไนต์เป็นมลทิน “อำพันโบนี” มีลักษณะขุ่นมัวไปจนถึงมีฟองอากาศเล็กๆในเนื้อของมัน
    อำพันที่โปร่งแสง เมื่อนำไปขัดผิวแล้วจะไม่ทำให้โปร่งใสขึ้นมาเสมอไปด้วยมีมลทินที่ปนเปื้อน มีการพัฒนาเทคนิคการตรวจสอบอำพันที่ขุ่นข้นและทึบแสงเพื่อหาสิ่งที่เข้าไปอยู่ในเนื้ออำพันได้โดยการใช้รังสีเอกซ์ที่มีความคมชัดละเอียดสูงในยุโรเปียน ซินโครตรอน เรดิเอชัน แฟซิลิตี มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเกือบ 360 ชิ้นในเนื้ออำพันทึบแสงจากเมืองชาเรนเทสในฝรั่งเศส พบตัวต่อโบราณ แมลงมีปีก มด และแมงมุมโดยวัดขนาดได้เพียงไม่กี่มิลลิเมตร ซากสิ่งมีชีวิตที่ถูกติดกับอยู่ในเนื้ออำพันทึบแสงเหล่านั้นสามารถถูกสร้างเป็นภาพสามมิติผ่านเครื่องไมโครโตกราฟฟีที่ทำให้เห็นรายละเอียดได้ถึงระดับมาตราส่วนไมโครมีเตอร์ทีเดียว รูปทรงจำลองสามมิติขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นทำด้วยพลาสติกสามารถถูกสร้างขึ้นมาเลียนแบบซากสิ่งมีชีวิตจริงที่อยู่ในเนื้ออำพันเพื่อใช้เป็นสื่อทดแทนในการตั้งชื่อสายพันธุ์ใหม่ของซากดึกดำบรรพ์ในเนื้ออำพันนั้นได้

    แหล่งอำพัน

    อำพันบอลติก


    หญิงสาวชาวลิทัวเนียในชุดประจำชาติพร้อมสายสร้อยอำพัน
    อำพันบอลติก พบกระจายตัวกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่กว้างของยุโรปตอนเหนือและแผ่ออกมาทางตะวันออกถึงอูรัลส์
    อำพันบอลติก มีส่วนประกอบของกรดซัคคินิกอยู่ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 3 – 8 ซึ่งเป็นลักษณะของอำพันที่มีความขุ่นมัวหรือที่เรียกว่า อำพันโบนี กลิ่นหอมๆระคายเคืองที่ปล่อยออกมาจากการเผาเป็นของกรดชนิดนี้เป็นหลัก อำพันบอลติกมีความแตกต่างไปจากอำพันอื่นๆตรงที่มีกรดซัคคินิกและเป็นที่มาของชื่อ ซัคคิไนต์ เสนอขึ้นโดยศาสตราจารย์เจมส์ ดวิกต์ ดานา และปัจจุบันก็ใช้เขียนกันทั่วไปในฐานะชื่อทางทางวิทยาศาสตร์สำหรับอำพันปรัสเซียน ซัคคิไนต์มีความแข็งระหว่าง 2 – 3 ซึ่งค่อนข้างจะแข็งกว่ายางไม้กลายเป็นซากดึกดำบรรพ์อื่นๆ มีความถ่วงจำเพาะระหว่าง 1.05 ถึง 1.10 เครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ในการวิเคราะห์อำพันบอลติกคือไออาร์สเปคโตรสโคปี เครื่องมือนี้นอกจากสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างอำพันบอลติกออกจากอำพันจากแหล่งอื่นๆได้ด้วยค่าการดูดซับคาร์บอนิลจำเพาะแล้ว ยังสามารถตรวจจับอายุสัมพัทธ์ของอำพันหนึ่งๆได้ด้วย อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่ากรดซัคคินิกดังกล่าวไม่ใช่เป็นองค์ประกอบตั้งต้นของอำพันบอลติกแต่เป็นผลผลิตจากการสลายตัวของกรดเอบิเอทติก (Rottlaender, 1970)
    แม้ว่าอำพันจะพบได้ตามชายฝั่งของทะเลบอลติก และทะเลเหนือแต่พื้นที่ผลิตอำพันส่วนใหญ่มาจากแซมเบียหรือแซมแลนด์ตามชายฝั่งของเมืองโกนิกส์บวกในปรัสเซียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 ประมาณร้อยละ 90 ของอำพันโลกได้มาจากกาลินิงกราด โอบลาสต์ของรัสเซียในทะเลบอลติก เศษชิ้นของอำพันที่หลุดออกมาจากใต้ท้องทะเลถูกพัดขึ้นมาด้วยแรงคลื่นและไปสะสมตัวที่ชายฝั่ง บางครั้งนักวิจัยก็ลุยลงไปในทะเลพร้อมตาข่ายที่ใช้ลากดึงสาหร่ายทะเลก็จะมีอำพันติดขึ้นมาได้ หรือบริเวณน้ำตื้นๆอาจใช้เรือแล่นออกไปแล้วคราดตักเอาอำพันขึ้นมาจากระหว่างโขดหิน นอกจากนี้อาจจ้างนักประดาน้ำงมลงไปเก็บอำพันในที่ที่น้ำลึกมากขึ้น ครั้งหนึ่งเคยมีการขุดหาอำพันใต้ทะเลอย่างจริงจังที่คูโรเนียนลากูนโดยสแตนเตียนและเบคเกอร์พ่อค้าอำพันชาวโกนิกส์บวก ในปัจจุบันมีการทำเหมืองอำพันกันอย่างกว้างขวาง ก่อนหน้านี้มีการทำเหมืองเปิดเพื่อขุดหาอำพันแต่ปัจจุบันมีการทำเหมืองใต้ดินด้วย ก้อนทรงมนจากบลูเอิร์ธต้องปลอดจากเนื้อประสานและปลดส่วนทึบแสงออกไปซึ่งอาจทำได้โดยการเขย่าถังทรงกระบอกที่บรรจุทรายและน้ำ อำพันที่หลุดจากพื้นทะเลจะสูญเสียเปลือกนอกออกไปแต่มักพบพื้นผิวของอำพันเป็นรอยขีดข่วนเป็นพื้นผิวด้านจากการกลิ้งไปมาบนพื้นทราย
    นับตั้งแต่ที่มีการจัดตั้งเส้นทางสายอำพัน ทำให้อำพันเป็นที่รู้จักกันในนามของทองปรัสเซีย (ซึ่งปัจจุบันก็มีการเรียกกันด้วยว่าทองลิทัวเนีย) ทำให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงทั้งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม อัญมณีอำพันและเครื่องประดับอำพันถูกนำเสนอแก่นักท่องเที่ยวในร้านขายของที่ระลึกทั้งหลายซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของลิทัวเนีย เมืองชายทะเลอย่างพาแลงก้ามีการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์อำพันพาแลงก้าที่มีการนำเสนอเรื่องราวของอำพันไว้ อำพันสามารถพบได้ในแลตเวีย เดนมาร์ค ทางเหนือของเยอรมนี โปแลนด์และรัสเซียนับตั้งแต่ที่รัสเซียได้ผนวกเอาปรัสเซียเข้าไปอยู่ในการปกครองในปี ค.ศ. 1945

    อำพันโดมินิกัน

    อำพันโดมินิกัน แตกต่างไปจากอำพันบอลติกด้วยเป็นอำพันโปร่งแสงและมักพบซากดึกดำบรรพ์อยู่ด้วย ทำให้สามารถรื้อฟื้นระบบนิเวศน์ในอดีตได้อย่างละเอียดของป่าเขตร้อนที่สูญสิ้นไปแล้วมาเป็นเวลานาน ยางไม้จากพืชชนิดที่สูญพันธุ์ไปแล้วของฮายเมนนี พรอเทอรานับเป็นแหล่งยางไม้ของอำพันโดมินิกันและอำพันทั้งหมดอาจพบในเขตร้อน อำพันชนิดนี้ไม่เป็นพวกซัคคิไนต์แต่จะเป็นพวกริติไนต์ ในทางตรงกันข้ามกับอำพันบอลติก อำพันโดมินิกันในตลาดโลกเป็นอำพันธรรมชาติมาจากเหมืองโดยตรงและไม่ได้มีการปรับแต่งเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งทางกายภาพและทางเคมี อำพันโดมินิกันนี้มีอายุมากถึง 40 ล้านปี
    อำพันโดมินิกันทั้งหลายจะเรืองแสง จะพบเป็นสีน้ำเงินได้ยากมาก มันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินในแสงอาทิตย์ธรรมชาติและแหล่งแสงอื่นๆที่มีรังสีอุลตร้าไวโอเลตทั้งหมดหรือบางส่วน แสงอุลตร้าไวโอเลตซึ่งเป็นแสงคลื่นยาวมีคุณสมบัติสะท้อนแสงได้อย่างรุนแรงคือแสงสีขาวเกือบทั้งหมด ปีหนึ่งๆมีการขุดค้นพบอำพันชนิดนี้เพียงประมาณ 100 กิโลกรัมเท่านั้นซึ่งถือว่าเป็นอำพันที่มีค่าสูงและมีราคาแพง

    อำพันโดมินิกันและโดยเฉพาะอย่างยิ่งอำพันโดมินิกันสีน้ำเงินมีการทำเหมืองเปิดกันแบบไม่มีการวางแผน ซึ่งมีอันตรายต่อคนงานเหมืองสูงมากที่ต้องเสี่ยงที่ผนังเหมืองอาจถล่มลงมาทับร่างเหล่าคนงานได้ เหมืองเปิดแบบนี้เป็นการขุดบ่อเหมืองด้วยเครื่องง่ายๆที่หาได้ อาจเริ่มต้นด้วยการใช้มีด และอาจตามด้วย พลั่ว เสียม แชลง และค้อน โดยจะขุดให้ลึกลงไปเท่าที่จะขุดได้หรือเท่าที่จะปลอดภัย บางครั้งลงไปในแนวดิ่ง บางครั้งก็หักทิศทางไปในแนวราบ แต่ไม่เคยมีการวัดคำนวณใดๆ จะทำการขุดคดโค้งไปมาไปที่เชิงเขาบ้าง ดิ่งลึกลงไปบ้าง หรืออาจจะไปบรรจบกับหลุมอื่นๆได้ ขุดตรงเข้าไปจนอาจไปโผล่อีกแห่งหนึ่งโดยไม่ได้คะเนไว้ น้อยนักที่ขนาดของหลุมขุดจะมีขนาดใหญ่เพียงพอที่จะยืนอยู่ได้หรืออาจจะมีเฉพาะที่ตรงทางเข้าเท่านั้น คนงานเหมืองจะคลานเข้าไป ใช้มือจับแชลง พลั่ว หรือมีดที่มีด้ามสั้นๆ อำพันที่พบไม่ขายต่อโดยตรงเป็นวัตถุดิบธรรมชาติก็อาจจะตัดหรือขัดเรียบโดยไม่มีการปรุงแต่งใดๆเพิ่มเติม
    โดยทั่วไปแล้วจะใช้อำพันโดมินิกันเป็นเครื่องประดับและอัญมณี ขณะที่สีสันและสิ่งที่อยู่ในเนื้อของอำพันจะเพิ่มมูลค่าให้มากยิ่งขึ้นทำให้มีราคาแพงเป็นที่หมายปองเพื่อการจัดแสดงทั้งของนักสะสมส่วนตัวและของภาครัฐ ในตะวันออกไกลได้มีการนำเอาอำพันสีน้ำเงินที่หายากมากไปเกาะสลักเป็นชิ้นงานทางศิลปะ นอกจากนี้ได้มีการนำเอาอำพันสีน้ำเงินไปทำเป็นอัญมณีด้วยคุณสมบัติเรืองแสงตามธรรมชาติภายใต้แสงอุลตร้าไวโอเลต ในโลกของชาวอิสลาม มีการนำเอาอำพันโดมินิกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกปัดอำพันสีน้ำเงินไปใช้ประกอบการสวดมนต์เพื่อการผ่อนคลายความเครียด

    แหล่งอื่นๆ

    แหล่งสะสมตัวของอำพันมีการพบได้ทั่วโลก บางแห่งมีอายุเก่าแก่กว่าแหล่งที่รู้จักกันดีในแถบทะเลบอลติกและในสาธารณรัฐโดมินิกันและบ้างก็มีอายุอ่อนกว่า อำพันบางแห่งมีอายุเก่าแก่ได้ถึง 345 ล้านปี (นอร์ธอัมเบอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา)
    แหล่งอำพันที่ไม่ค่อยจะเป็นที่รู้จักกันอยู่ในยูเครนในพื้นที่ป่าบริเวณเขตแดนโวลีน-โปเลซี ด้วยอำพันในพื้นที่นี้อยู่ที่ระดับตื้นๆที่สามารถขุดขึ้นมาได้เพียงใช้เครื่องมือง่ายๆและก็ทำให้ง่ายในการลักลอบขุดค้นภายใต้การปกคลุมด้วยป่าทึบ อำพันในยูเครนนี้มีหลากหลายสีสันและเคยถูกนำไปใช้ปฏิสังขรณ์ห้องแอมเบอร์ในพระบรมมหาราชวังของจักรพรรดินีแคธีรีนในกรุงเซนต์ปีเตอร์เบอร์ก (ดูด้านล่าง)

    เรือสำเภาทำจากอำพันทั้งหมดในร้านขายของชำร่วยแห่งหนึ่ง
    อำพันชิ้นกลมมนปรกติมีขนาดเล็กๆแต่ก็พบเป็นชิ้นขนาดใหญ่ๆได้ ที่อาจพบได้ในบริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกของอังกฤษที่เป็นไปได้ว่าถูกชะขึ้นมาจากแหล่งใต้ทะเลเหนือ ที่โครเมอร์เป็นตำแหน่งที่รู้จักกันดีที่สุด แต่ก็พบได้ในส่วนอื่นๆของชายฝั่งนอร์ฟอล์ค อย่างเช่นที่เกรตยาร์เมาธ์ รวมไปถึงที่เซ้าธ์โวล์ด อัลดิเบอร์ก และเฟลิกซ์สโตว์ในซัฟฟอล์ค และที่ไกลลงไปทางตอนใต้ถึงวอลตัน-ออน-เธอะ-นาซในเอสเซ๊กซ์ ของอังกฤษ ขณะที่ขึ้นไปทางตอนเหนือนั้นรู้จักกันในยอร์กเชอร์ อีกด้านหนึ่งของทะเลเหนือมีการพบอำพันหลายแห่งตามแนวชายฝั่งของเนเธอร์แลนด์และเดนมาร์ค บนชายฝั่งของทะเลบอลติกไม่ได้พบเฉพาะในเยอรมนีและโปแลนด์เท่านั้นแต่ยังพบอยู่ทางตอนใต้ของสวีเดนในเบอร์นโฮล์มและหมู่เกาะอื่นๆและรวมไปถึงทางตอนใต้ของฟินแลนด์ แหล่งอำพันในทะเลบอลติกและทะเลเหนือบางแห่งเป็นที่รู้จักกันในสมัยก่อนประวัติศาสตร์แล้วและนำไปสู่การค้าขายกับทางตอนใต้ของยุโรปผ่านเส้นทางสายอำพัน อำพันถูกนำไปที่โอลเบียในทะเลดำ แมสซิลเลีย(ปัจจุบันคือมาร์เซลล์) ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และเอเดรียที่ส่วนปลายของเอเดรียติกและจากจุดศูนย์กลางนี้อำพันถูกแพร่กระจายไปทั่วของโลกยุคกรีกโบราณ
    มีการพบอำพันในสวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย และฝรั่งเศส อำพันจากเทือกเขาแอลป์ของสวิตซ์มีอายุประมาณ 55-200 ล้านปี และอำพันจากกอลลิ่งมีอายุประมาณ 225-231 ล้านปี อำพันชิชิเลียน (โคปอล-สิเมติต) มีอายุประมาณ 10-20 ล้านปี ในแอฟริกามีการพบโคปอลในประเทศแนวแนวชายฝั่งของแอฟริกาตะวันออกและแอฟริกาตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาดากัสการ์ อำพันมาดากัสการ์มีอายุเพียง 1,000-10,000 ปีเท่านั้นที่ประกอบไปด้วยยางไม้สนที่แข็งตัว ไนจีเรียก็พบอำพันด้วยเหมือนกันซึ่งมีอายุประมาณ 60 ล้านปี
    อำพันก็พบได้ในเอเชียโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพม่าที่เรียกว่าเบอร์มิต มีอายุประมาณ 50 ล้านปีและอำพันเลบานอนมีอายุ 130-135 ล้านปี อำพันในเขตทะเลออสเตรเลียพบได้ในนิวซีแลนด์และบอร์เนียว (อำพันซาราวะก์) มีอายุ 20-60 และ 70-100 ล้านปี

    อำพันบอร์เนียวโปร่งใสขัดผิวเรียบจากซาบาร์ มาเลเซีย
    อำพันพบได้ในสหรัฐอเมริกาเป็นหย่อมเล็กๆอยู่ในทรายสีเขียวในนิวเจอร์ซีย์แต่มีค่าทางเศรษฐกิจน้อย อำพันยุคครีเทเชียสตอนกลางก็พบในเอลล์สเวอร์ธคันที รัฐแคนซัส มันมีค่าน้อยในการทำเป็นอัญมณี แต่มีค่าอย่างยิ่งต่อนักชีววิทยา แหล่งของอำพันนี้อยู่ใต้ทะเลสาบที่มนุษย์ขุดขึ้น
    อำพันเรืองแสงก็พบในรัฐทางตอนใต้ของเชียร์ปาสในเม็กซิโกและถูกทำเป็นอัญมณีแบบอายแคตชิ่ง ในอเมริกากลางมีอารยะธรรมโอลเม็คที่มีการทำเหมืองอำพันเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ในเม็กซิโกมีตำนานที่หลากหลายที่กล่าวถึงการใช้อำพันในการประดับตกแต่ง และใช้ในการลดความเครียดซึ่งเป็นการเยียวยารักษาแบบธรรมชาติ
    ขณะที่อินโดนีเชียก็มีแหล่งอำพันที่อุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งโดยพบเป็นเศษอำพันขนาดใหญ่ที่ขุดขึ้นมาจากชวาและบาหลี

    การปรับสภาพอำพัน


    อำพันขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 ซม.
    โรงงานอำพันในเวียนนาซึ่งใช้อำพันสีจางๆในการผลิตกล้องยาสูบและอุปกรณ์การสูบบุหรี่อื่นๆโดยการกลึงและขัดพื้นผิวด้วยสารฟอกขาวและน้ำหรือหินผุๆกับน้ำมัน ท้ายสุดทำให้เป็นมันเงาโดยการขัดด้วยผ้าสักหลาดนุ่มๆ
    เมื่อค่อยๆเพิ่มความร้อนในอ่างน้ำมันจะทำให้อำพันอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น อำพันสองชิ้นอาจหลอมรวมเป็นชิ้นเดียวกันเมื่อทาด้วยน้ำมันลินซีดลงบนผิวของมัน ให้ความร้อน แล้วกดอำพันทั้งสองเข้าหากันขณะที่ยังร้อนอยู่ อำพันที่มีเนื้อขุ่นอาจใสขึ้นในอ่างน้ำมันเมื่อน้ำมันเข้าไปเติมเต็มรูช่องว่างทั้งหลาย ก่อนนี้เราอาจขว้างเศษอำพันเล็กๆทิ้งไปหรืออาจใช้ทำเป็นเพียงน้ำมันชักเงาแต่เดี๋ยวนี้มีการนำไปใช้ในการผลิตแอมบรอยด์หรืออำพันอัด โดยค่อยๆให้ความร้อนกับอำพันแล้วดูดอากาศออก บีบอัดให้อำพันเป็นเนื้อเสมอด้วยเครื่องอัดไฮดรอลิก อำพันที่อ่อนตัวจะถูกกดด้วยแรงเข้าไปในรูของแผ่นโลหะ อำพันที่ได้นี้มีการนำไปใช้กันอย่างกว้างขวางสำหรับทำอัญมณีราคาถูกและวัสดุทำอุปกรณ์สูบบุหรี่ อำพันอัดนี้มีประกายสีแวววาวเมื่อต้องแสงโพลาไรซ์ อำพันอาจถูกทำเทียมได้ด้วยยางไม้อื่นๆเช่นโคปอลและคอริรวมถึงพวกเซลลูลอยด์หรือแม้แต่แก้วอำพันบอลติกบางครั้งก็มีการทำสีเทียมแต่ก็ยังคงเรียกกันว่าอำพันแท้
    มีการพบบ่อยครั้งที่อำพัน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีแมลงอยู่ในเนื้อของมัน) ถูกทำเทียมขึ้นด้วยวัสดุเรซินพลาสติก มีการทดสอบง่ายๆด้วยการใช้เข็ดหมุดร้อนๆสัมผัสลงไปบนพื้นผิววัตถุและทดสอบว่ามีกลิ่นของยางไม้ลอยขึ้นมาหรือไม่ ถ้าไม่ก็ถือว่าเป็นวัตถุทำเทียม อย่างไรก็ตามการทดสอบนี้อาจหาข้อสรุปไม่ได้หากผิวของวัตถุทำเทียมนี้ถูกเคลือบด้วยยางไม้แท้ๆ บ่อยครั้งที่การทำเทียมจะเห็นแมลงอยู่ในเนื้อวัตถุในท่าทางที่สมบูรณ์แบบเกินไป

    ศิลปะและเครื่องประดับจากอำพัน


    หินอำพันที่ยังไม่ได้ขัด
    อำพันถือเป็นวัตถุทำเครื่องประดับที่มีค่ามากอันหนึ่งที่ย้อนยุคกลับไปยาวนานมาก ดังเช่น มีการพบอำพันอยู่ในสุสานมายซีเนียน อำพันเป็นที่รู้จักกันในกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบของสวิตเซอร์แลนด์ มีการพบเป็นซากเหลือยุคนีโอลิธิกในเดนมาร์ค ขณะที่ในอังกฤษมีการพบอำพันอยู่ในหลุมฝังศพยุคบรอนซ์
    ถ้วยอำพันแห่งเมืองโฮฝ มีการค้นพบถ้วยใบหนึ่งทำจากอำพันในสุสานโบราณยุคบรอนซ์ที่เมืองโฮฝ ในอังกฤษ ที่เดี๋ยวนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ไบรท์ตัน
    มีการค้นพบลูกปัดทำจากอำพันที่ตกสืบทอดมาจากชนเผ่าแองโกล-แซกซอนทางตอนใต้ของอังกฤษ อำพันถือเป็นสิ่งมีค่าที่ถือว่าเป็นเครื่องรางและยังเชื่อกันอีกว่ามีสรรพคุณในการเยียวยารักษาโรคภัย
    อำพันถูกใช้ทำลูกปัดและเครื่องประดับ ทำที่สูบบุหรี่และกล้องยาสูบ พวกเติร์กถือกันว่าอำพันมีค่าเป็นพิเศษโดยกล่าวกันว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อได้เมื่อใช้ท่อทำจากอำพันต่อจากปากคนหนึ่งไปที่ปากอีกคนหนึ่ง อำพันที่มีค่ายิ่งทางตะวันออกคืออำพันที่ค่อนข้างขุ่นมัวมีสีเหลืองฟางอ่อน อำพันคุณภาพเยี่ยมจะถูกส่งไปเวียนนาเพื่อผลิตอุปกรณ์สำหรับสูบยา
    ห้องอำพันเคยเป็นห้องที่สร้างขึ้นด้วยอำพันหนักถึง 6 ตันเนื้อที่ 55 ตารางเมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1701 ตามพระราชบัญชาของกษัตริย์ปรัสเซีย เฟร็ดริช วิลเฮลม ต่อมาได้ถวายเป็นของขวัญแก่พระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย (ปีเตอร์มหาราช) ห้องอำพันนี้ถูกซ่อนไว้ให้พ้นสายตาจากการบุกรุกของกองกำลังนาซีในปี ค.ศ. 1941 ผู้เข้าไปค้นหาในปราสาทคัธริน และได้ถอดออกไปแล้วย้ายไปเก็บไว้ที่เมืองโกนิกสบวก อะไรจะเกิดขึ้นกับห้องอำพันนี้หลังจากนั้นยังไม่เป็นที่ชัดเจนแต่มันอาจถูกทำลายไปเมื่อครั้งรัสเซียเผาป้อมปราการของเยอรมนีซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาห้องอำพันนี้และได้สูญหายไปแล้ว โดยได้มีการสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2003

    The ห้องอำพันถูกสร้างขึ้นจากอำพันกาลินินการ์ด
    อำพันสามารถนำไปใช้ทำส่วนของฟร็อกของคันชักของไวโอลิน ถูกคิดค้นมอบหมายขึ้นมาโดยเกนนาดี ฟิลิโมนอฝ และผลิตขึ้นโดยช่างทำคันชักไวโอลินระดับฝีมือครูชาวอเมริกันหลังจากนั้น เคธ เปค 
    วิกิพีเดีย
    https://goal90antique.blogspot.com/

      No comments:

      Post a Comment