GALLERY ANTIQUES

Tuesday, December 12, 2017

Wat Saman Rattanaram Temple:Thailand: วัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา:

วัดสมานรัตนาราม: Wat Saman Rattanaram Temple :Thailand ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางประกง หมู่ที่๑๑ ตำบลบางแก้ว (ตำบลไผ่แสวกเดิม) อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ใกล้กับโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง มีเนื้อที่ตาม หน้าโฉนดที่ตั้งวัด ๒๖ ไร่ ๓ งาน ๕๐ ตารางวา (ภายหลัง ปี ๒๕๕๒-๒๕๕๗ พระประชาธรรมนาถ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน) ได้ทำการรวบรวมผู้มีจิตศรัทธาจัดซื้อที่ถวายวัดจำนวน ๗๒ ไร่ ๑ งาน ๓๖ ตารางวา)
จากคำบอกเล่าของผู้คนในสมัยก่อน เล่าสืบกันต่อกันมาว่า มีครอบครัวคหบดี มีคนเคารพนับถือ คือครอบครัวขุนสมานจีนประชา (เดิมชื่อ จ๋าย) เมื่อท่านขุนสมานจีนประชา ถึงแก่กรรมแล้ว ภรรยาทั้งสองของท่านขุนสมานจีนประชา นางทิม สืบสมาน และ นางผ่อง สืบสมาน (เพิ่มนคร) พร้อมด้วย นางยี่สุ่น วิริยะพานิช ผู้เป็นน้องสาว (ต่อมา ภายหลังได้สร้างพระปรางค์ขึ้นหน้าโบสถ์ ปัจจุบันยังปรากฎให้เห็นอยู่) 
มีความศรัทธาคิดจะสร้างวัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้สามีผู้ล่วงลับ จึงได้ดำเนินการสร้างวัดปรากฎตามหลักฐาน เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๒ (ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.๕) ทรงเสด็จทางชลมารคผ่านมาได้ทรงแวะเยี่ยมวัด ขุนสมานจีนประชา(หลวงสมาน เพิ่มนคร) และได้มีชาวบ้านผู้หนึ่งชื่อ นายเหว่า โพนสุวรรณ์ นำนกกวักเผือกถวาย ณ ที่วัดแห่งนี้ด้วย
 เมื่อสร้างวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ตั้งชื่อวัดว่า วัดใหม่ขุนสมานเพิ่มนคร เป็น วัดราษฎร์คณะสงฆ์ปกครองวัดสมัยนั้น เป็นฝ่ายมหานิกาย แต่ปกครองไม่นานนัก ผู้สร้างวัดได้ถวายพระในคณะธรรมยุตมี พระครูศิริปัญญามุนี (อ่อน เทวนิโภ)  เป็นประธานสงฆ์ ในการรับถวายนี้ ชาวบ้านโดยทั่วไปมักเรียกวัดนี้ว่า "วัดนางทิม นางผ่อง เพิ่มนครใหม่ขุนสมาน"  เมื่อมาจนถึงทุกวันนี้ ในขณะนั้น สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จออกตรวจสังฆมณฑล ทางเรือตามลำแม่น้ำบางประกง พระองค์ได้ขึ้นทรงเยี่ยมวัด ทรงเห็นป้ายชื่อวัดไม่สอดคล้อง กับตำบลไผ่แสวก พระองค์จึงทรงประทานวัดใหม่ว่า วัดไผ่แสวก เพื่อให้สอดคล้องกับ ตำบลดังกล่าว
ครั้นกาลเวลาล่วงเลยมานานหลายสิบปี ทางราชการได้ยุบตำบลไผ่แสวกไปรวมกับตำบลบางแก้ว เมื่อเป็นเช่นนี้  มีพระเถระผู้ใหญ่พร้อมด้วยภิกษุสามเณรชาวบ้านอุบาสก อุบาสิกา ต่างก็มีความเห็นพร้องกันว่า สมควรที่จะเปลี่ยนชื่อวัดใหม่ คือ ให้มีชื่อคำว่า "สมาน" เพราะเป็นตระกูลที่สร้างวัด และตำว่า"แก้ว" เพื่อให้สอดคล้องกับตำบล จึงขออนุญาตทางราชการตั้งชื่อใหม่ เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถร) วัดเทพศิรินทราวาส ได้ทรงมาเป็นพระอุปชฌาย์ อุปสมบทบุตรหลานชาวบ้านอยู่หลายครั้ง วัดสมานรัตนารามมีพระพุทธรูปที่สำคัญยิ่งสององค์
องค์ที่ ๑ คือ พระประธานในอุโบสถปางมารวิชัย (นาม หลวงพ่อโต) อายุกว่า ๑๒๐ ปี เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของตำบลและอำเภอองค์หนึ่ง เป็นที่ศรัทธาเคารพรับถือแก่ประชาชน โดยทั่วไป (ปัจจุบันได้สร้างจำลองแบบขึ้นอีก ๑ องค์หน้าตัก ๑๒๙ นิ้ว เป็นพระประธานองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด)
บันได้สร้างจำลองแบบขึ้นอีก ๑ องค์หน้าตัก ๑๒๙ นิ้ว เป็นพระประธานองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัด) องค์ที่ ๒ คือ พระประธานหน้าวัดตั้งประดิษฐานอยู่ริมแม่น้ำบางปะกงหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปปางลีลาประทานพรพระองค์ใหญ่ที่สุดในลุ่มน้ำบางประกง สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปรินายกทรงถวายพระนามว่า "พระพุทธมหากรุณาคุณประสิทธิ์" และทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ ๙ องค์บรรจุบนเกตุพระ ในครั้งกระนั้น พระเดชพระคุณพระญาณวโรดม (ราชทินนามในขณะนั้น) ปัจจุบันคือเจ้าประคุณสมเด็จญาณวโรดม วัดเทพศิรินทราวาส ได้เป็นผู้ประกอบพิธีอันเชิญบรรจุพระบรมสารรีริกธาตุ และเบิกพระเนตร และเป็นองค์ประธานสมโภช เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๓
วัดสมานรัตนาราม มีเจ้าอาวาสปกครองวัดมาแล้ว ๖ รูป ดังนี้
 ๑.พระสมุห์ทัด สุวัณโณ
๒.พระสุชิต สุชิโต
๓.พระครูอนันตธรรมรัต (อนันต์ อติลาโภ)
๔.พระสมุห์เอี่ยม (เอี่ยม บุญเลอ)
๕.พระครูสุทธาภิมุข (ผิน สุทฺธาภิมุโข)
๖.พระประชาธรรมนาถ (ไพรัตน์ ปญฺญาธโร) รูปปัจจุบัน

     Cr.www.dek-d.com
https://goal90antique.blogspot.com

No comments:

Post a Comment